คู่มือวิธีใช้งาน: สูตรเขียน Prompt คุยกับ ChatGPT Claude และ Gemini

“คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการใช้ AI อย่าง Claude, ChatGPT หรือ Gemini ที่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการไหม? หรือคุณอยากเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับ AI ให้มากขึ้น? บทความนี้จะเปิดเผยเคล็ดลับและเทคนิคในการใช้งาน LLM อย่างมืออาชีพ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง พร้อมตัวอย่างที่นำไปใช้ได้จริง มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสื่อสารกับ AI กันเลย!”

การใช้งาน LLM อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานและคำสั่งที่ใช้ แต่ยังต้องปรับการสื่อสารและใช้โครงสร้างคำสั่งที่ชัดเจน พร้อมกับการปรับพารามิเตอร์และเลือกโทนที่เหมาะสม โดยสูตรเขียน Prompt แบ่งเป็น 6 หัวข้อหลัก ต่อไปนี้

1.คำศัพท์พื้นฐาน 📚

การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานของการใช้งาน LLM จะช่วยให้การสื่อสารกับ AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้:

คำว่า Model: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เป็นโครงสร้างที่สร้างขึ้นจากการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือ ChatGPT และ Claude โมเดลนี้มีความสามารถในการประมวลผลและสร้างภาษาธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่าง: ChatGPT เป็น LLM ที่สามารถสนทนากับผู้ใช้ในหัวข้อต่างๆ เช่น การให้คำแนะนำในการเขียน หรือการตอบคำถามทางเทคนิค

คำว่า Prompt: คำถามหรือคำสั่งที่ป้อนให้ AI เพื่อสร้างผลลัพธ์

ตัวอย่าง: “What is the capital of France?” เป็น prompt ที่ถามเกี่ยวกับเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส

คำว่า Input: ข้อมูลที่ป้อนให้กับ AI เพื่อให้ AI สร้างผลลัพธ์

ตัวอย่าง: ข้อความที่คุณพิมพ์ในกล่องแชท เช่น “อธิบายหลักการทำงานของเครื่องยนต์”

คำว่า Output: ผลลัพธ์ที่ AI สร้างจากข้อมูลที่ป้อนเข้าไป

ตัวอย่าง: เมื่อคุณถาม “What is the capital of France?” AI จะตอบว่า “The capital of France is Paris.”

คำว่า Token: หน่วยข้อมูลที่ AI อ่านได้ เช่น ตัวอักษรหรือคำ

ตัวอย่าง: ในประโยค “Hello, world!” มี 3 tokens ได้แก่ “Hello”, “,” และ “world!”

คำว่า Max Tokens: จำนวนสูงสุดของข้อมูลที่ AI สามารถประมวลผลในครั้งเดียว

ตัวอย่าง: หาก max tokens คือ 1000 AI จะสามารถประมวลผลข้อความที่มีจำนวนไม่เกิน 1000 tokens ในครั้งเดียว

คำว่า Training Data: ข้อมูลที่ใช้ในการฝึก AI

ตัวอย่าง: Wikipedia, หนังสือ, บทความวิจัย หรือข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต

คำว่า Inference: กระบวนการที่ AI สร้างผลลัพธ์จากข้อมูลที่ป้อนเข้าไป

ตัวอย่าง: เมื่อ AI ได้รับ prompt ว่า “อธิบายวิธีทำกาแฟ” AI จะใช้กระบวนการ inference ในการสร้างคำตอบที่เกี่ยวข้องกับวิธีทำกาแฟ

การเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน LLM ต่าง ๆ เช่น ChatGPT และ Claude ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามที่ชัดเจน หรือการปรับพารามิเตอร์ให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

2.คำสั่งที่ควรรู้ 🎓

การเข้าใจและใช้คำสั่งที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับ LLM ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้:

List: สร้างรายการหรือกลุ่มของไอเทม
ตัวอย่าง: “List the top 5 benefits of regular exercise.”
ผลลัพธ์: AI จะสร้างรายการเช่น

  1. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  2. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  3. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  4. เพิ่มพลังงานและความทนทาน
  5. ปรับปรุงสุขภาพจิต

Act as: ให้ AI สวมบทบาทเฉพาะหรือบุคคล
ตัวอย่าง: “Act as a customer service representative and respond to a customer complaint about delayed shipping.”
ผลลัพธ์: AI จะตอบแบบตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้า:
“Dear Customer, we apologize for the delay in shipping your order. We are working hard to resolve the issue and will ensure your package is delivered as soon as possible. Thank you for your patience.”

Continue: ขยายการสนทนาหรือเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติม
ตัวอย่าง: “Tell me about the history of the Internet. Continue with how it has impacted modern communication.”
ผลลัพธ์: AI จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการสื่อสารเนื่องจากอินเทอร์เน็ต เช่น การเกิดขึ้นของอีเมล, โซเชียลมีเดีย, และการสื่อสารแบบเรียลไทม์

Elaborate: ให้รายละเอียดหรือคำอธิบายเพิ่มเติม
ตัวอย่าง: “Explain the process of photosynthesis. Elaborate on the role of chlorophyll.”
ผลลัพธ์: AI จะขยายความเกี่ยวกับบทบาทของคลอโรฟิลล์ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เช่น การดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงเป็นพลังงานเคมี

Summarize: สรุปข้อมูลให้สั้นลงและชัดเจน
ตัวอย่าง: “Summarize the plot of ‘To Kill a Mockingbird’.”
ผลลัพธ์: AI จะให้สรุปเนื้อเรื่อง เช่น การเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมและการเหยียดเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาผ่านสายตาของเด็กสาว

Identify Gaps: ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องหรือข้อมูลที่หายไป
ตัวอย่าง: “Identify gaps in the following business plan.”
ผลลัพธ์: AI อาจระบุว่าแผนขาดการวิเคราะห์ตลาดหรือไม่มีแผนสำรองในกรณีที่เกิดความเสี่ยง

Pros & Cons: ประเมินและแสดงข้อดีข้อเสีย
ตัวอย่าง: “What are the pros and cons of remote work?”
ผลลัพธ์: AI จะประเมินข้อดีเช่น ความยืดหยุ่น และการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ข้อเสียเช่น ความยากในการสื่อสาร และการขาดการเชื่อมโยงทางสังคม

Compare: เปรียบเทียบระหว่างสองสิ่งหรือมากกว่า
ตัวอย่าง: “Compare the benefits of solar energy vs wind energy.”
ผลลัพธ์: AI จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เช่น โซลาร์พลังงานสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดมาก ในขณะที่พลังงานลมมีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่มีลมแรง

Explain like I’m 5: อธิบายสิ่งซับซ้อนให้ง่ายเหมือนอธิบายให้เด็ก 5 ขวบฟัง
ตัวอย่าง: “Explain the theory of relativity like I’m 5.”
ผลลัพธ์: AI จะอธิบายแบบง่ายๆ เช่น “เวลาสามารถเดินเร็วหรือช้าขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ที่ไหนและคุณเคลื่อนที่เร็วแค่ไหน”

Translate: แปลข้อมูลจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษา
ตัวอย่าง: “Translate the following sentence to Spanish: ‘Hello, how are you?’”
ผลลัพธ์: AI จะให้คำแปล เช่น “Hola, ¿cómo estás?”

3.โครงสร้างคำสั่ง 🛠️

การใช้โครงสร้างของคำสั่งที่ชัดเจน ช่วยลดความคลุมเครือและเพิ่มความแม่นยำในผลลัพธ์ที่ได้รับ ช่วยให้ AI เข้าใจความต้องการของคุณได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือโครงสร้างคำสั่งที่มีประโยชน์พร้อมตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ดังนี้:

TREF: Task, Requirement, Expectation, Format

  • Task: งานหรือคำสั่งที่ต้องการให้ AI ทำ
  • Requirement: ข้อกำหนดหรือเงื่อนไข
  • Expectation: ความคาดหวังที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
  • Format: รูปแบบของผลลัพธ์ที่ต้องการ

ตัวอย่าง: “Describe the impact of climate change on polar bears. (Task) Provide at least three key points (Requirement), emphasizing scientific evidence (Expectation), in bullet point format (Format).”

SCET: Situation, Complication, Expectation, Task

  • Situation: สถานการณ์หรือบริบท
  • Complication: ปัญหาหรือข้อยุ่งยาก
  • Expectation: ความคาดหวังในสิ่งที่ต้องการ
  • Task: งานหรือคำสั่งที่ต้องการให้ AI ทำ

ตัวอย่าง: “In a business meeting (Situation), the sales team is struggling to meet their targets (Complication). Suggest strategies to improve sales performance (Expectation), detailing each strategy in a separate paragraph (Task).”

PECRA: Purpose, Expectation, Context, Request, Action

  • Purpose: วัตถุประสงค์ของคำสั่ง
  • Expectation: ความคาดหวังที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
  • Context: บริบทหรือสถานการณ์
  • Request: คำขอหรือสิ่งที่ต้องการ
  • Action: การกระทำที่ต้องการให้ AI ทำ

ตัวอย่าง: “The purpose is to understand the benefits of renewable energy (Purpose). We expect a thorough analysis (Expectation). Given the increasing focus on sustainability (Context), provide a report highlighting the advantages of solar and wind energy (Request), with graphs and data to support your points (Action).”

GRADE: Goal, Request, Action, Detail, Examples

  • Goal: เป้าหมายของคำสั่ง
  • Request: คำขอหรือสิ่งที่ต้องการ
  • Action: การกระทำที่ต้องการให้ AI ทำ
  • Detail: รายละเอียดที่ต้องการ
  • Examples: ตัวอย่างเพื่อประกอบคำสั่ง

ตัวอย่าง: “The goal is to increase employee engagement (Goal). Please provide suggestions (Request) that can be implemented in the workplace (Action). Include detailed explanations (Detail) and examples from successful companies (Examples).”

ROSES: Role, Objective, Scenario, Expected Solution, Steps

  • Role: บทบาทหรือหน้าที่ของ AI
  • Objective: วัตถุประสงค์ของคำสั่ง
  • Scenario: สถานการณ์หรือบริบท
  • Expected Solution: ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  • Steps: ขั้นตอนการดำเนินการ

ตัวอย่าง: “As a business consultant (Role), your objective is to improve customer satisfaction (Objective). In a retail store setting (Scenario), suggest measures to enhance customer experience (Expected Solution), outlining each step clearly (Steps).”

STAR: Situation, Task, Action, Result

  • Situation: สถานการณ์หรือบริบท
  • Task: งานหรือคำสั่งที่ต้องการให้ AI ทำ
  • Action: การกระทำที่ต้องการให้ AI ทำ
  • Result: ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ตัวอย่าง: “During the holiday season (Situation), the company wants to boost sales (Task). Recommend promotional strategies (Action) that could result in a 20% increase in sales (Result).”

SOAR: Situation, Objective, Action, Result

  • Situation: สถานการณ์หรือบริบท
  • Objective: วัตถุประสงค์ของคำสั่ง
  • Action: การกระทำที่ต้องการให้ AI ทำ
  • Result: ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ตัวอย่าง: “In the current economic climate (Situation), the company aims to reduce costs (Objective). Identify cost-saving measures (Action) that could save 15% of the annual budget (Result).”

SMART: Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound

  • Specific: เฉพาะเจาะจง
  • Measurable: สามารถวัดได้
  • Achievable: ทำได้จริง
  • Relevant: เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย
  • Time-bound: มีระยะเวลาที่กำหนด

ตัวอย่าง: “Develop a marketing plan (Specific) that targets a 10% increase in brand awareness (Measurable) within the next quarter (Time-bound). The plan should include achievable strategies (Achievable) and align with the company’s overall goals (Relevant).”

การใช้โครงสร้างคำสั่งเหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารกับ AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจนมากขึ้น ช่วยลดความคลุมเครือและเพิ่มความแม่นยำในผลลัพธ์ที่ได้รับ

4.ข้อควรระวังในการใช้คำสั่ง ⚠️

การใช้คำสั่งที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานกับ LLM ช่วยให้คุณสามารถได้รับข้อมูลที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น และช่วยลดความคลุมเครือในการสื่อสารกับ AI ต่อไปนี้เป็นข้อควรระวังในการใช้คำสั่ง พร้อมตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ดังนี้:

1. หลีกเลี่ยงคำถามที่คลุมเครือหรือปิด

คำถามที่คลุมเครือหรือปิดสามารถทำให้ AI สร้างผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนหรือไม่ตรงตามความต้องการของคุณได้

  • อย่า: “อาหารที่ร้านนี้เป็นอย่างไร?”
  • ควร: “คุณสามารถบอกฉันได้ไหมว่าเมนูใดที่ร้านนี้มีรสชาติอร่อยที่สุดและทำไม?”

2. ให้ความสำคัญกับผู้ใช้

การถามคำถามที่เน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้จะช่วยให้ได้รับข้อมูลที่มีคุณค่ามากขึ้น

  • อย่า: “คุณชอบบริการของเราไหม?”
  • ควร: “คุณพบว่าการบริการของเรามีจุดเด่นหรือจุดด้อยที่ไหนบ้าง และมีข้อเสนอแนะใดๆ เพื่อปรับปรุงหรือไม่?”

3. หลีกเลี่ยงภาษาที่ซับซ้อนหรือทางเทคนิคเกินไป

การใช้ภาษาที่เข้าใจยากหรือซับซ้อนอาจทำให้การสื่อสารกับ AI ยุ่งยากและไม่ตรงตามที่ต้องการ

  • อย่า: “โปรดให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการเมตาบอลิซึมของกลูโคสในระดับโมเลกุล”
  • ควร: “คุณสามารถอธิบายกระบวนการที่ร่างกายใช้พลังงานจากน้ำตาลได้อย่างง่ายๆ ไหม?”

4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำสั่งมีความชัดเจนและเจาะจง

คำสั่งที่ไม่ชัดเจนหรือกว้างเกินไปอาจทำให้ AI สร้างผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับที่ต้องการ

  • อย่า: “อธิบายเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์”
  • ควร: “คุณสามารถอธิบายเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในองค์กรขนาดเล็กได้ไหม?”

5.พารามิเตอร์ในการปรับการตอบสนองของ AI ⚙️

การปรับพารามิเตอร์ต่างๆ ช่วยให้คุณสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนการตอบสนองของ AI ได้ตามต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการใช้ AI ในสถานการณ์ต่างๆ ต่อไปนี้เป็นพารามิเตอร์หลักพร้อมตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ดังนี้:

Temperature: ปรับความสุ่มของการตอบสนองของ AI

  • คำอธิบาย: Temperature เป็นค่าที่ใช้ควบคุมความสุ่มของการตอบสนองของ AI ค่าที่ต่ำเช่น 0.1 ทำให้การตอบสนองมีความเป็นระบบและคาดเดาได้มากขึ้น ในขณะที่ค่าที่สูงเช่น 0.9 ทำให้การตอบสนองมีความหลากหลายและสร้างสรรค์มากขึ้น
  • ตัวอย่าง:
  • Temperature = 0.1: “What is the capital of France?” – “The capital of France is Paris.”
  • Temperature = 0.9: “What is the capital of France?” – “Well, France’s bustling capital, filled with history and culture, is Paris.”

Diversity_penalty: ควบคุมความหลากหลายของผลลัพธ์ที่สร้างขึ้น

  • คำอธิบาย: Diversity_penalty ใช้ในการควบคุมความหลากหลายของคำตอบ AI ค่าสูงจะทำให้การตอบสนองมีความหลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ค่าต่ำจะทำให้การตอบสนองมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
  • ตัวอย่าง:
  • Diversity_penalty = 0.1: “Give me ideas for a birthday party.” – “You could have a cake. You could have games. You could have balloons.”
  • Diversity_penalty = 0.9: “Give me ideas for a birthday party.” – “How about a themed party with costumes, interactive games, a magician, and a unique cake design?”

Frequency_penalty: ปรับความถี่ของการตอบสนองซ้ำ

  • คำอธิบาย: Frequency_penalty ใช้ในการลดความถี่ที่คำหรือวลีเดียวกันถูกนำมาใช้ซ้ำ ค่าสูงจะทำให้การตอบสนองมีความหลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ค่าต่ำจะทำให้คำตอบมีความซ้ำซ้อนมากขึ้น
  • ตัวอย่าง:
  • Frequency_penalty = 0.1: “Describe a dog.” – “A dog is a pet. A dog is loyal. A dog barks.”
  • Frequency_penalty = 0.9: “Describe a dog.” – “A dog is a loyal pet known for barking. Dogs are often seen as friendly companions.”

Stop_words: กำหนดคำที่ AI จะหลีกเลี่ยงการสร้าง

  • คำอธิบาย: Stop_words เป็นคำหรือวลีที่กำหนดให้ AI หลีกเลี่ยงการใช้ในการตอบสนอง โดยเฉพาะคำที่ไม่ต้องการให้ปรากฏในผลลัพธ์
  • ตัวอย่าง:
  • คำสั่ง: “Describe a computer without mentioning ‘keyboard’ or ‘screen’.”
  • ผลลัพธ์: “A computer is an electronic device used for processing data and performing calculations, often used in various tasks from simple calculations to complex simulations.”

6.โทนในการสื่อสาร 🎤

การเลือกใช้โทนในการสื่อสารที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองตามความต้องการของสถานการณ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้เป็นโทนที่ใช้บ่อยในการสื่อสาร พร้อมตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ดังนี้:

Professional: เป็นทางการและมีข้อมูลเชิงเทคนิค

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการให้การสนทนาดูเป็นทางการและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ
  • ตัวอย่าง: “Please provide a comprehensive report on the current market trends in renewable energy technologies.”
  • โทน: เป็นทางการ, เน้นข้อมูลที่แม่นยำและเชิงลึก

Friendly: สร้างโทนที่อบอุ่นและเป็นมิตร

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการให้การสนทนาดูอบอุ่นและเป็นมิตร
  • ตัวอย่าง: “Hey there! Can you share some tips on how to make a delicious homemade pizza?”
  • โทน: ไม่เป็นทางการ, เป็นมิตร, เข้าถึงง่าย

Enthusiastic: สร้างความตื่นเต้นและมีพลัง

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการสร้างความตื่นเต้นและมีพลังในข้อความ
  • ตัวอย่าง: “Wow! Can you believe it? We’re launching our new product next week! Any tips on how to make the event unforgettable?”
  • โทน: มีพลัง, สร้างแรงบันดาลใจ

Empathetic: สนับสนุนและเข้าอกเข้าใจ

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการแสดงความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่อผู้ฟัง
  • ตัวอย่าง: “I understand that you’re going through a tough time. How can I help you better understand the information?”
  • โทน: อบอุ่น, สนับสนุน

Instructional: ชัดเจนและเป็นขั้นตอน

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการให้ข้อมูลเป็นขั้นตอนและชัดเจน
  • ตัวอย่าง: “To set up your new printer, follow these steps: First, plug in the power cable. Second, connect it to your computer via USB. Finally, install the necessary drivers from the manufacturer’s website.”
  • โทน: ชัดเจน, เป็นขั้นตอน

Reassuring: มอบความสบายใจและความมั่นใจ

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการให้ความมั่นใจและสบายใจต่อผู้ฟัง
  • ตัวอย่าง: “Don’t worry, the problem is solvable. I’ll guide you through the steps to resolve it.”
  • โทน: มอบความมั่นใจ, ปลอบโยน

Inspirational: กระตุ้นและส่งเสริมการกระทำ

  • คำอธิบาย: ใช้เมื่อคุณต้องการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟัง
  • ตัวอย่าง: “You have the potential to achieve great things. Believe in yourself and take the first step towards your goals today!”
  • โทน: สร้างแรงบันดาลใจ, กระตุ้น

Formal: สำหรับการสื่อสารที่เป็นทางการ

  • คำอธิบาย: ใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นทางการสูง เช่น การติดต่อในองค์กรหรือการเขียนจดหมายธุรกิจ
  • ตัวอย่าง: “Dear Sir/Madam, I am writing to inform you about the recent developments in our project.”
  • โทน: เป็นทางการ, สุภาพ

Casual: สบายๆ และไม่เป็นทางการ

  • คำอธิบาย: ใช้ในสถานการณ์ที่เป็นกันเอง เช่น การพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว
  • ตัวอย่าง: “Hey, what’s up? Wanna hang out this weekend?”
  • โทน: ไม่เป็นทางการ, สบายๆ

“การใช้งาน LLM อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! ด้วยเทคนิคและความรู้ที่คุณได้เรียนรู้จากบทความนี้ คุณพร้อมแล้วที่จะยกระดับการสื่อสารกับ AI ไม่ว่าจะเป็น Claude, ChatGPT หรือ Gemini ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น! ติดตามบทความต่อไปของเราเพื่อเรียนรู้เทคนิคขั้นสูงและอัพเดทล่าสุดในวงการ AI ที่จะช่วยให้คุณก้าวล้ำนำหน้าคนอื่นในยุคดิจิทัล อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ของคุณด้วยนะ!”

สูตรเขียน Prompt คุยกับ ChatGPT Claude Gemini